1.เอาความสำเร็จในอดีตมากำหนดอนาคต กล่าวคือ ความสำเร็จในอดีตไม่ได้เป็นหลักประกันความสำเร็จในอนาคต ความสำเร็จที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ดีแต่ไม่ได้หมายความว่าสามารถใช้ได้ตลอดไปเนื่องจากสภาวะแวดล้อมได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดังนั้นองค์กรจะต้องเปลี่ยนแปลงปรับตัวได้เร็วแล้วพัฒนาต่ออย่างไม่หยุดยั้ง ดังที่คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า “เวลาเราทำอะไรสำเร็จ เราสามารถดีใจได้แค่วันเดียว” เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ก็อาจจะมีคนอื่นทำสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่า | |
2. ละเลยเสียงของลูกค้าและสังคม การที่เราจะทำนวัตกรรม เราต้องไม่ลืมความต้องการของลูกค้าและสังคม หากเรามัวแต่ทำนวัตกรรมเพื่อองค์กรตัวเอง แล้วลืมหันมามองความต้องการของผู้บริโภค ตลาด และสังคม เราก็จะตกหลุมพรางดังเช่นหลายๆบริษัท ที่ทำผลงานออกมาแล้ว ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านคำว่าสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งจะไม่สามารถทำสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นให้กลายเป็นนวัตกรรมได้เลย | |
3. ละเลยการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี สำหรับการสร้างนวัตกรรมนั้นเทคโนโลยีเป็นที่สิ่งเราไม่ควรมองข้ามเพราะเทคโนโลยีจะมีผลอย่างมากกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้เกิดวิธีการหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆตลอดเวลาและเมื่อวิธีการและสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆเหล่านั้นเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไป เราจะต้องก้าวตามเรื่องของเทคโนโลยีให้ทัน | |
4.การทำงานแบบตั้งรับ ในองค์กรต้องมีทำงานแบบเชิงรุก ต้องมองไปข้างหน้า ต้องมีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างคุณค่าและคุณประโยชน์ให้กับผู้บริโภค สังคมและบริษัทควบคู่กัน ซึ่งจะต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ และเมื่อองค์กรเราเห็นปลายทางชัดเจน การทำงานในเชิงนวัตกรรม ก็จะมีความชัดเจนมากในทำงานเชิงรุกได้อย่างถูกต้อง ถ้าองค์กรใดยังทำงานแบบตั้งรับและไม่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนองค์กรจะตกหลุม พรางของการทำนวัตกรรมจะกลายเป็นการทำงานในลักษณะ “หาเช้ากินค่ำ”องค์กรนั้นก็จะไม่มีนวัตกรรม | |
5.ขาดการติดตามและต่อยอด มีองค์กรหลายองค์กรที่ลงทุนในเรื่องของงานวิจัยไปมากมาย ทดลองกันเสียมากมาย มีการจัดประกวดแข่งขันผลงานนวัตกรรมกัน แต่ไม่ได้นำ ความสำเร็จจากการทดลองนั้นไปขยายผล องค์กร นั้นก็ไม่สามารถ ก้าวข้ามสิ่งประดิษฐ์ไปสู่นวัตกรรม ตามที่องค์กรต้องการได้เลย | |
6.ขาดการตรวจสอบผลัพธ์ของการทำนวัตกรรม การติดตามผลตอบแทนของนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญมาก ต่อให้องค์กรมีผลงานของการค้นพบสิ่งใหม่มากมาย หากแต่ผลตอบแทนที่ได้กลับมาไม่ได้เติบโตหรือซ้ำร้ายกลับน้อยลงกว่าเดิม ก็ให้เข้าใจเสียเลยว่า สิ่งที่เราทำนั้นอาจเป็นเพียงแค่สิ่งประดิษฐ์ ยังไม่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้จริงยังไม่ใช่นวัตกรรม การที่เราวัดผลตอบแทนจากการทำนวัตกรรม เพราะเราสามารถนำสิ่งนี้ไปสู่การเรียนรู้ตลอดเวลาว่าสิ่้งที่เราทำมันดีพอหรือไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและสังคมได้อย่างตรงประเด็นหรือยัง | |
7.องค์กรแยกกันทำงาน(แบบไซโล) ในเรื่องของวัฒนธรรมการทำงานแบบไม่ประสานพลังร่วมกันขององค์กร ถือเป็นอีกหลุมพรางหลุม ใหญ่ ถ้าคนในองค์กรยังทำงานแยกกันทำเป็นส่วนๆ ไม่ร่วมมือกัน ไม่ทำความเข้าใจถึงภาพรวมและ ประสานรอยร้าวต่างๆเข้ามาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน องค์กรนั้นจะไม่สามารถทำนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง เพราะนวัตกรรมที่ทำจะตอบโจทย์เพียง แค่เฉพาะหน่วยงานเขาเอง แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ ในหน่วยงานอื่น รวมถึงไม่ได้ตอบโจทย์ 3 ประโยชน์ ที่แท้จริงคือ ปรเทศชาติ ประชาชนและบริษัท นั่นเอง |